ดูยังไงว่าน้องหมาป่วย

ใบหน้า หัว หู และจมูกน้ำมูกเหนียวจากจมูกและตา หรือดวงตาไม่มีประกาย อาจเป็นสัญญาณของโรคได้ การติดเชื้อใน
หูอาจทำให้มีของเหลวหรือน้ำเมือกไหลออกมาจากโพรงหู
บางครั้งสุนัขจะเกาหูตลอดเวลา และอาจมีกลิ่นเหม็น หรือมีวัตถุสีดำออกมาจากช่องหู
อาจเป็นการติดเชื้อไรในหู จมูกของสุนัขที่แห้งหรือแตกเป็นสะเก็ดอาจเป็นอาการของโรค
แพราะปกติแล้วสุนัขจะมีจมูกที่ชุ่มชื่นอยู่เสมอ
ลำตัวความผิดปกติที่ขนสุนัข เช่น มีสีกระดำกระด่าง มีแผลฟกช้ำ สีขนเปลี่ยนไป หรือมีรอยบวมนูนเป็นแห่งๆ
ไม่เคยพบมาก่อนอาจเป็นสัญญาณของโรคร้าย
ซึ่งควรรีบให้สัตวแพทย์วินิจฉัยโดยด่วน เพราะรอยบวมช้ำหรือบวมน้ำ
อาจเป็นอาการของโรคเกี่ยวกับตับ หัวใจ ไต และเลือด โดยมีลักษณะเช่นเดียว
กับเนื้องอกระยะก่อตัว
ขาและเท้า
การที่สุนัขเดินโขยกเขยก ไม่สามารถเดินได้เต็มเท้า มีเลือดไหลจากแผล หรือมีการบวม
ที่เท้า ขา ล้วนเป็นอาการที่แสดงถึงการบาดเจ็บอาจมีเนื้อเยื่อฉีกขาดที่บริเวณกระดูก
ภายในบริเวณเท้าหรือขา
อวัยะสืบพันธุ์
ในสุนัขเพศผู้ หากอวัยวะเพศมีสีแดงและบวมผิดปกติมาได้ช่วงเวลาหนึ่งและ
ตัวสุนัขได้แสดงอาการไม่สบาย ควรปรึกษาสัตวแพทย์ หากมีเลือดไหลที่ปลาย
อวัยวะเพศ อาจเป็นสัญญานบอกถึงเนื้องอกในระบบอวัยวะสืบพันธุ์ และต้องได้
รับการวินิจฉัยจากสัตวแพทย์ การบวมของถุงอัณฑะอาจบ่งบอกถึงอาการเนื้องอก
ในลูกอัณฑะ การติดเชื้อ การอักเสบจากการถูกแมลงสัตว์กัดต่อย และหากบริเวณ
ฐานลูกอัณฑะถูกยางรัดไว้เพื่อการทำหมันแล้วละก็ การผ่าตัดเพื่อเอาลูกอัณฑะ
ออกอาจเป็นสิ่งจำเป็น ในสุนัขเพศเมียที่ไม่ได้ตอน อาจมีเลือดไหลออกมาจาก
อวัยวะเพศได้เป็นครั้งคราวประมาณ 4 เดือนต่อครั้ง ทั้งนี้เพราะเป็นอาการของ
การเป็นสัดหรือพร้อยจะผสมพันธุ์ อาจมีอาการบวมที่อวัยวะเพศ ถ้าเกิดนานกว่า
2-3 สัปดาห์ หรือมีเนื้อเยื้อภายในยื่นออกมาจากอวัยวะเพศ ควรปรึกษาสัตวแพทย์
อุณหภูมิร่างกาย
อุณหภูมิปกติของร่างกายสุนัขคือ 101 - 102 ํF ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิปกติของร่างกาย
มนุษย์ 98.6 ํF ดังนั้นจึงค่อนข้างยากลำบากที่จะบอกได้ว่าสุนัขกำลังมีไข้หรือเปล่า
เพียงด้วยการสัมผัสร่างกายวิธีการที่แน่นอนคือการสอดเทอร์โมมิเตอร์แบบหล่อลื่น
เข้าไปทางทวารหนักซึ่งถ้ามีอุณหภูมิสูงกว่า 102.5 ํF แสดงว่าสุนัขตัวนั้นมีไข้
ความอยากอาหารสุนัขที่ป่วย หรือเริ่มป่วยจะกินอาหารน้อยลงหรือแทบไม่กินอาหารเลย และอาจ
ไม่ยอมกินน้ำด้วย แต่บางครั้งอากาศที่ร้อนอบอ้าว ก็ทำให้สุนัขกินอาหารน้อยลงได้
การอาเจียน
การที่สุนัขของคุณปัสสาวะลำบาก อุจจาระเหลว หรือมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะหรืออุจจาระ
อาจบอกได้ถึงความผิดปกติหลายอย่าง เช่น การติดเชื้อโรคต่างๆ เนื้อร้ายที่อวัยวะภายใน
และควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์
อารมณ์และการตอบสนอง
หากสุนัขไม่ตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ จำชื่อตัวเองไม่ได้ ดุร้าย หรือเห่ามาก อาจเป็นไปได
้ว่ามีความผิดปกติทองสมอง เช่น โรคเบื่ออาหาร หรือ โรคพิษสุนัขบ้า หากคุณพบหรือสงสัย
รีปปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณโดยด่วนสัตวแพทย์จะสามารถวินิจฉัยถึงวิธีรักษาที่ดีที่สุดแนะแนะนำคุณ
ถึงวิธีการควบคุมเชื้อโรคต่างๆไม่ให้แพร่กระจายไป
พยาธิภายใน
พยาธิทั่วๆไปที่พบในสุนัขมีหลายประเภทเช่น พยาธิตัวกลม , พยาธิเส้นด้าย , พยาธิแส้ม้า
, พยาธิปากขอ , พยาธิตัวตืด และพยาธิหนอนหัวใจ เป็นโรคที่อาจจะรบกวนสุนัขคุณโดยไม่ได้แสดงอาการ
ควรพาสุนัขไปรับการถ่ายพยาธิจากสัตวแพทย์เป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีของสุนัขคุณ
โดยทั่วไปจะถ่ายพยาธิลำไส้ ทุกๆ 3 เดือน ป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ ทุกๆ 1-2 เดือน
โรคผิวหนัง
โรคผิวหนังและอาการแพ้ระคายเคืองในสุนัขเป็นของคู่กัน ตุ่มเล็กๆ ผื่นแดง หรือขนหลุดลอก
ปัญหาที่พบอยู่เสมอคือ เห็บ-หมัด ที่อาจก่อให้เกิดโรคผิวหนังกับสุนัขได้ การแปรงขนเป็นประจำ
และการให้อาหารที่มีคุณภาพก็อาจช่วยให้สุขภาพผิวของสุนัขอยู่เสมอ
สัญญาณของการป่วย
มีอาการหงอยเหงาเศร้าซึม , มีอาการเบื่ออาหารเป็นเวลานาน , อาเจียน , ท้องผูก
, หรือท้องร่วง , ตาฝ้า , มีไข้ ,ร่างกายขาดน้ำ อาจวัดอุณหภูมิโดยสอดเทอร์โมมิเตอร์ฉาบวาสลิน
เข้าไปในทวานหนัก 2 นาที อุณหภูมิปกติควรอยู่ที่ 101-102 F อย่าทดลองรักษาด้วยการใช้ยาสามัญประจำบ้าน
ที่ใช้กับคนเป็นอันขาด ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ของคุณโดยด่วน 

การให้ยา
หลังพบสัตวแพทย์ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์โดยเคร่งครัด หากได้รับการฉีดยาจากสัตวแพทย์
จะต้องไม่อาบน้ำให้สุนัขเป็นเวลาอย่างน้อย 1 อาทิตย์
ยาเม็ด
วิธีง่ายที่สุดในการให้ยาเม็ดกับสุนัขคือการฝังยาเม็ดลงในอาหารหรืออาหารปรุงพิเศษต่างๆ อย่างไรก็ดี
สุนัขอาจไม่ยอมทานซึ่งคุณก็อาจจำเป็นต้องหยิบยามาป้อนใส่ปากด้วยมือตัวเอง จับส่วนปากของสุนัข
ให้มั่นอย่างอ่อนโยน บีบด้านข้างของปากเพื่อให้เขาเผยอปากให้กว้าง แล้วจับศีรษะเขาเงยขึ้น
และวางยาลงไปให้ลึกที่สุดในปากของเขาแล้วดันยาลงไปให้อยู่ด้านหลังลิ้น ปิดปากของเขา
เขย่าคอเล็กน้อยเพื่อช่วยเขาให้กลืนยาลงไป
ยาน้ำ
ค่อยๆ ดึงแก้มของสุนัขบริเวณมุมปากเพื่อให้เป็นร่อง ใส่ยาลงไปในร่องแล้วปิดปากเพื่อให้สุนัขกลืนยาลงไป
เงยหน้าของเขาเล็กน้อยและคอยระวังอย่าให้ยาลงไปในหลอดลม

ขอบคุณ  Doglove.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น