เมื่อสุนัขดุ

จริงๆแล้วสุนัขที่สุดแสนจะว่านอนสอนง่ายเสงี่ยมหงิมอาจลุกขึ้นมาแสดงความดุร้ายได้ตำราทางพฤติกรรมสัตว์ กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าสุนัขเกิดพฤติกรรมความก้าวร้าวนี้ไว้หลายข้อคือ

       การแก่งแยกกัน โดยมากเป็นการแย่งอาหารหรือของเล่น
       ความต้องการเป็นผู้ที่เหนือกว่า(Dominat) เช่น สุนัขที่กัดเจ้าของหรือขู่เจ้าของเพื่อให้เจ้าของทำตามในสิ่งที่มันต้องการ
       อยากเป็นหนึ่งเหนือสุนัขเพศเดียวกัน ซึ่งโดยมากมักเกิดกับตัวผู้มากกว่าตัวเมีย
       ความก้าวร้าวที่เกิดจากความเจ็บปวด เช่น สัตว์ถูกรถชนบาดเจ็บ จะกัดผู้หวังดีที่พยายามจะอุ้มไปหาหมอ เนื่องจากเจ็บแผลมาก สัตว์จะเข้าใจว่าคนผู้นั้นจะเข้าไปซ้ำเติมหรือทำร้าย
       ความก้าวร้าวที่เกิดจากความกลัว เช่น สุนัขเคยถูกคนฟันจนเกิดบาดแผล จะระแวงคนทุกคนที่มาจับตัวหรือถูกตัวบางครั้งอาจจะกัดก่อนที่คนจะจับต้องตัว
       เพื่อปกป้องอาณาเขตหรือบริเวณของตน
       สัญชาตญาณการเป็นผู้ล่า (Predator)

       ความหวงลูกของสัตว์เพศเมีย ซึ่งความดุร้ายจากสาเหตุนี้ จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อลูกหย่านมไปแล้ว
       ความดุร้ายก้าวร้าวที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุ เช่น สุนัขเกิดมีแววตาที่ดูเหมือนว่าจะจำเจ้าของไม่ได้ในขณะนั้นและเข้าทำร้ายโดย ไม่มีการแสดงอาการขู่ โกรธ หรือคำรามมาก่อน ทั้งที่ปกติจะเป็นสุนัขร่าเริง ไม่เคยกัด เจ้าของ ในสหรัฐอเมริกา มีคนนิยมเลี้ยงลูกสุนัขที่เกิดจากการผสมกันของสุนัขป่ากับสุนัขพันธุ์อื่น
แล้วมักจะพบว่า สุนัขที่เคยมีนิสัยดีมาก อาจก่อเรื่องน่าสลดใจได้
เช่น ไปกัดเด็กแบเบาะข้างบ้าน หรือกัดลูกเจ้าของบ้านตายอย่างเงียบเชียบโดยที่ไม่เคยแสดงอาการมาก่อนว่า เกลียดเด็กมีคนแสดงความคิดเห็น ไว้ว่า เสียงเด็กร้องโดยเฉพาะเด็กแบเบาะนั้น สามารถเร้าสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่าให้เกิดขึ้น ทำให้สุนัขกัดเด็กได้โดยไม่ทราบสาเหตุ
นอกจากสาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ยังอาจมีปัจจัยส่งเสริมความก้าวร้าวให้มากขึ้นหลายปัจจัย คือ

       ความดุตามสายพันธุ์ อาทิ สุนัขพันธุ์รอตไวเลอร์ โดเบอร์แมน พิทบูล โดยมาก ตัวผู้มักดุกว่าตัวเมียเสมอ
       โรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติของสมอง เช่น เนื้องอกในสมอง, พิษสุนัขบ้า โรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติของข้อต่อกล้ามเนื้อ คุณต้องนำสัตว์เลี้ยงไปหาหมอ เพื่อตรวจหาสาเหตุกันต่อไป
       การเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้อง เจ้าของจะไม่สามารถทำให้สัตว์เลี้ยงเชื่อฟังได ทั้งนี้ รายละเอียดวิธีเลี้ยงและการฝึก คุณจะหาอ่านได้จากหนังสือคู่มือการฝึกสุนัขที่มีขายอยู่ในร้านหนังสือขนาด ใหญ่ทั่ว ๆ ไป หรือตามคลีนิกรักษาสัตว์
นอกจากนั้น ในช่วงอายุหนึ่งของสุนัข อันเป็นระยะที่เรียกว่า Socialization ถ้าสุนัขของคุณไม่ได้คุ้นเคยกับคน ก็จะกลัวและกัดคน แต่จะรวมอยู่กับสัตว์ชนิดเดียวกันได้ตามปกติ แต่ถ้าช่วงนั้นมันอยู่กับคนมากกว่าพวกเดียวกัน ก็จะชอบอยู่กับคน แต่ไม่ชอบพวกเดียวกัน และกัดพวกเดียวกันได้

เมื่อน้องหมาโตเข้าสู่วัยที่จะผสมพันธุ์


ธรรมชาติของสุนัขเมื่อเข้าวัยหนุ่ม-สาว โดยปกติแล้วสุนัขจะเริ่มเป็นหนุ่ม-สาว ได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไปแต่บางตัวก็อาจพบได้ตอนอายุ 4 เดือนก็มี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของร่างกาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าสุนัขที่เป็นหนุ่ม-สาวช้าจะมีร่างกายไม่สมบูรณ์ สิ่งที่จะบอกได้ว่าพวกเขาเป็นหนุ่ม-สาวแล้ว ก็คือ ในสุนัขตัวเมีย จะเริ่มเห็นว่าอวัยวะเพศมีการขยายใหญ่ขึ้น ร่วมกับมีเลือดออกจากอวัยวะเพศ หรืออาการที่เรียกว่า “เป็นฮีท”
หรือ “เป็นสัด” ซึ่งสุนัขที่เข้าสู่วัยสาวจะแสดงอาการเป็นสัดโดยเฉลี่ยปีละ 1-2 ครั้ง ในแมวจะร้องเสียงดังที่เรียกว่า “หง่าว” กลิ้งตัวไปมาซึ่ง พบเป็นทุก 21 วัน ส่วนในสุนัขตัวผู้นั้น ถ้าจะดูจากลักษณะภายนอกอย่างเดียวคงบอกได้ยากเนื่องจากลูกอัณฑะ จะลงมาอยู่ในถุงหุ้มได้ตั้งแต่อายุเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น แต่ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นหนุ่มหรือยัง สามารถทำได้โดยการตรวจระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนร่วมกับการรีดเก็บน้ำเชื้อเพื่อนำไปตรวจคุณภาพ สุนัขที่เข้าวัยหนุ่มจะต้องพบตัวอสุจิที่มีชีวิต และเคลื่อนไหวเป็นปกติในระดับที่มาตรฐานยอมรับ
การคุมกำเนิด
เจ้าของหลายท่านที่ไม่ประสงค์จะให้สุนัขมีลูก สามารถใช้วิธีคุมกำเนิด โดยปัจจุบันการคุมกำเนิดแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลักคือ แบบชั่วคราวและแบบถาวร ซึ่งทั้ง 2 วิธี มีข้อดีและข้อเสีย


1. การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว
ข้อดี
คือ สามารถทำได้ง่ายด้วยเพียงการฉีดฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกาย ฮอร์โมนจะมีผลคุมกำเนิดนาน 4-6 เดือน แล้วจึงพากลับมาฉีดใหม่ ไม่เช่นนั้นสุนัขจะกลับมาเป็นสัดได้อีกเมื่อถึงกำหนดระยะเวลาที ่ฮอร์โมนหมดฤทธิ์ ดังนั้นหากเจ้าของท่านใดที่อยากได้ลูกหลานของเจ้าตัวโปรดมาไว้เ ชยชม แต่มีบางช่วงเวลาที่ยังไม่พร้อม ก็จะแนะนำให้ ใช้วิธีนี้ไปก่อน ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้กับสุนัขและแมวมีความสำคัญเป็นอย่างมากและ ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ฮอร์โมนที่ทำขึ้นเพื่อใช้สำหรับสุนัขและแมวโดยเฉพาะ ได้แก่  Covinan โดยฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป สุนัขและแมวที่เพิ่งฉีดเป็นครั้งแรกจะต้องฉีด 3 เข็มโดยเข็มที่ 2 จะฉีดห่างจากเข็มแรก 3 เดือน และเข็มที่ 3 ฉีดห่างจากเข็มที่ 2 นาน 4 เดือนตามลำดับ จากนั้นจึงค่อยฉีดทุกๆ 5 เดือน ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์คุมกำเนิดของคน เพราะจะส่งผลข้างเคียงอย่างร้ายแรงและเกิดเป็นผลเสียตามมา
ข้อเสีย
คือ สุนัขสามารถเกิดภาวะการติดเชื้อที่มดลูกและอักเสบจนเป็นหนอง ได้ง่ายซึ่งพบเป็นจำนวนมาก ภาวะมดลูกอักเสบเป็นหนอง มีอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตได้หากไม่รีบทำการรักษาโดยการผ่าตั ดเพื่อเอามดลูกและรังไข่ออก


2. การคุมกำเนิดแบบถาวร หรือการทำหมัน
ข้อดี คือ เมื่อเจ้าตัวโปรดของเราที่มีอายุมากขึ้นก็มักจะมีโรคต่างๆ ตามมา รวมถึงภาวะต่างๆ ที่เกิดจากการทำงานของฮอร์โมน ไม่ว่าจะเป็น เนื้องอกเต้านม มะเร็งเต้านม มดลูกอักเสบเป็นหนองในตัวเมีย ส่วนในตัวผู้มักพบภาวะของต่อมลูกหมากโต มะเร็งต่อมลูกหมากและอัณฑะ โดยเฉพาะในรายที่เป็นทองแดง (ซึ่งลูกอัณฑะอยู่ผิดตำแหน่ง จะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงขึ้น) และปัญหาต่อมลูกหมากโตมักเชื่อมโยงไปถึงปัญหาในระบบทางเดินปัสสาวะอื่นๆ ตามมา ยิ่งเจ้าตัวโปรดได้รับการทำหมันที่อายุน้อยเท่าใดก็จะยิ่งลดโอกาสการเกิดปัญหาเหล่านี้รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อการวางยาลงได้มาก ขึ้นเท่านั้นนอกจากนี้การทำหมันยังช่วยลดพฤติกรรมที่ไม่ดีบางอย่างได้ เช่น การก้าวร้าวที่เกิดจากฮอร์โมน ได้อีกด้วย
ข้อเสีย คือ วิธีการทำยุ่งยากและใช้เวลานานกว่าอีกแบบ สุนัขและแมวที่จะทำหมันต้องได้รับการวางยาสลบขณะทำ ดังนั้นหากเขามีสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมก็อาจส่งผลถึงแก่ชีวิต การทำหมันนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ได้ผลดีและแน่นอนที่สุด
สุนัขและแมวที่จะทำหมัน ต้องผ่านการตรวจสุขภาพทั่วไปและเจาะเลือดดูการทำงานโดยรวมของอวัยวะสำคัญ จากนั้นทำการนัดหมายวัน เพื่อเตรียมงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชม.ก่อนวันผ่า ในแมวเพศเมียสามารถผ่าตัดทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือนขึ้นไป สุนัขเพศผู้และเมียทำได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือนขึ้นไป หลังผ่าตัดควรอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลก่อนอย่างน้อย1-2วันแล้วจึงนัดดูแลแผลรวมถึงตัดไหมตามเวลาที่สัตวแพทย์กำหนด


การผสมพันธุ์-ตั้งท้อง และฝากครรภ์
เมื่อพวกเขาเข้าสู่วงรอบการเป็นสัด จะสังเกตุได้จากการที่มีเลือดออกจากอวัยวะเพศของตัวเมีย หลังจากนั้น 7-9 วันจะเป็นช่วงผสมพันธุ์ ซึ่งแบ่งได้เป็นการผสมแบบธรรมชาติและการผสมเทียม หากผสมติดก็จะเกิดการตั้งท้องซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 62-75 วันขึ้นกับการนับวันหลังผสม ในช่วงระหว่างนี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะสามารถเกิดการแท้งลูกได้ง่ายหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกวิธ ี เมื่อทราบว่าสุนัขตั้งท้อง ควรพาเขามาพบสัตวแพทย์เพื่อวางแผนการดูแลและตรวจท้องเป็นระยะๆ โดยทั่วไปจะทำการอัลตร้าซาวด์ตรวจท้องได้ตั้งแต่อายุท้อง 3 สัปดาห์ขึ้นไป ทำให้เราทราบได้ว่าตัวอ่อนมีสุขภาพเป็นเช่นไร และยังพอกำหนวันดคลอดได้คร่าวๆด้วย และนอกจากนี้การเอกซ์เรย์สามารถบอกจำนวนและขนาดของลูกได้ซึ่งทำ ได้ตั้งแต่อายุท้อง 45 วันขึ้นไปเพื่อเตรียมความพร้อมในการคลอด
การผสมเทียม
วิธีนี้กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันสำหรับสุนัขที่มีปัญหามีลูกยาก และพบว่าให้ผลใกล้เคียงกับการผสมตามธรรมชาติ วิธีการจะมี 2 แบบคือแบบใช้น้ำเชื้อสดกับแบบที่ใช้น้ำเชื้อแช่แข็ง ซึ่งแบบหลังนี้กรรมวิธีและค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าวิธีแรกเพราะอาจต้องทำการผ่าตัดเพื่อฉีดน้ำเชื้อเข้าไปที่มดลูกโดยตรง ในขณะที่อีกวิธีไม่ต้องวางยาผ่าตัดทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัยด้วยกัน แต่ทั้ง 2 วิธี ต้องทำการเจาะเลือดเป็นระยะๆ เพื่อตรวจหาวันผสมที่เหมาะสม ผลที่ได้ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามมา
การผสมที่ไม่พึงประสงค์
หากสุนัขหรือแมวถูกผสมโดยไม่ได้ตั้งใจ เราสามารถป้องกันการเกิดการตั้งท้องได้ด้วยการฉีดฮอร์โมนจำเพาะต่อการป้องกันการท้องภายใน 24 ชม.โดยไม่เกิน 72 ชม.หลังถูกผสม การฉีดจะฉีด 3 ครั้ง วันเว้นวันเพื่อช่วยลดผลข้างเคียงที่อันตรายต่อสุนัข แต่ผลที่เกิดขึ้นคือสุนัขจะแสดงอาการเป็นสัดต่อไปอีก 1-2 เดือนเลยทีเดียว เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าของต้องดูแลไม่ให้เขาถูกผสมซ้ำได้อีก แต่บางตัวก็อาจพบผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ภาวะโลหิตจางจากการถูกกดไขกระดูก จากการใช้ฮอร์โมน แม้จะฉีดตามที่สัตวแพทย์วางแผนไว้แล้วก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองเฉพาะตัวที่มีต่อฮอร์โมน ดังนั้นถ้าไม่จำเป็น ก็จะไม่แนะนำให้ฉีด




บทความพิเศษ เรื่องโดย… ทีมสัตวแพทย์ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ

การฉีดวัคซีนให้สุนัข

การฉีดวัคซีนสุนัข

ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือช่วงที่ลูกสุนัขมีระดับภูมิคุ้มกันจากแม่ลดต่ำลง จนระดับภูมิคุ้มกันเดิมในร่างกายไม่สามารถไปรบกวนการทำงานของวัคซีน

ภูมิคุ้มกันจากแม่จะป้องกันโรคได้เพียงประมาณ 6-8 สัปดาห์แรก หลังจากลูกสุนัขคลอดออกมาเท่านั้น หลังจากนั้นระดับภูมิคุ้มกันจะค่อยๆ ลดต่ำลง ซึ่งลูกสุนัขอาจได้รับเชื้อโรค และป่วยเป็นโรคได้ แต่ถ้าฉีดวัคซีนเร็วเกินไป ระดับภูมิคุ้มกันที่ยังมีอยู่ในลูกสุนัขจะต้านกับเชื้อในวัคซีนและไม่เกิดภูมิคุ้มกัน เราจึงควรให้ลูกสุนัขได้รับการฉีดวัคซีนเมื่ออายุประมาณ 2 เดือน (8 สัปดาห์)

โปรแกรมการฉีดวัคซีนในสุนัข

ลูกสุนัขอายุ 6 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 1 เดือนครึ่ง)
ฉีดวัคซีนโรคไข้หัดสุนัขหรือลำไส้อักเสบติดต่อ
** ฉีดในกรณีที่มีความเสี่ยงสูง เช่น แม่สุนัขไม่เคยฉีดวัคซีน หรือมีการระบาดของโรค
** ทำการถ่ายพยาธิครั้งที่ 1

ลูกสุนัขอายุ 8 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 2 เดือน)
ฉีดวัคซีนรวมโรคไข้หัดสุนัขเลปโตสไปโรซิส ตับ-อักเสบติดต่อและลำไส้อักเสบติดต่อ

ลูกสุนัขอายุ 10 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 2 เดือนครึ่ง)
ฉีดวัคซีนรวมโรคไข้หัดสุนัขเลปโตสไปโรซิส ตับ-อักเสบติดต่อ
และลำไส้อักเสบติดต่อ

ลูกสุนัขอายุ 12 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 3 เดือน)
ฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า
** ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงให้ทำก่อน 12 สัปดาห์แล้วทำซ้ำเมื่ออายุ 12 สัปดาห์
** ทำการถ่ายพยาธิครั้งที่ 2

ลูกสุนัขอายุ 16 สัปดาห์ (สุนัขอายุ 4 เดือน)
ฉีดวัคซีนโรคลำไส้อักเสบติดต่อ
** ทำการถ่ายพยาธิครั้งที่ 3

สุนัขอายุ 6 เดือน
ฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า

สุนัขพันธุ์ อเมริกัน ค็อกเกอร์

สุนัขพันธุ์ มอลทีส

สุนัข MALTESE มีถิ่นกำเนิดในประเทศ MALTA (แถบทะเลเมอร์ดิเตอริเนียน) มานานเกือบ 2800 ปีแล้ว นักเขียนหรือนักวาดภาพในสมัยโบราณมักนิยมเขียนเรื่องราวหรือภาพของสุนัขพันธุ์นี้อยู่เนืองๆ และเป็นที่นิยมเลี้ยงของผู้คนสมัยนั้น และจนกษัตริย์อียิปต์โบราณและ QUEEN VICTORIA ด้วย MALTESE เป็นสุนัขที่มีขนมีขาวสะอาดมีสุขภาพดี คล้ายสุนัขใหญ่กลุ่ม SPANIEL ในปี ค.ศ. 1607 มีการซื้อขายพันธุ์ MALTESE ตัวหนึ่งสูงถึง 2000 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 50000 บาท


มาตราฐานสายพันธุ์
อุปนิสัย : เป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ สุภาพ กล้าหาญ ไม่ขลาดกลัว
ศีรษะ : มีความยาวปานกลาง หัวกะโหลกลักษณะกลม
หู : โคนหูอยู่ในระดับต่ำ หูตก บริเวณหูมีขนหนาและยาว
ตา : สีดำ ลักษณะกลม ขอบตาดำ ทำให้ดูตื่นตัวอยู่เสมอ
ดั้งจมูก : มีมุมหักพอประมาณ
ปาก : มีความยาวปานกลาง ขนาดของโคนปากเรียวสู่ปลายจมูกเล็กน้อย
จมูก : สีดำ
ฟัน : ขาว แข็งแรง ขบแบบเสมอหรือขบแบบกรรไกร
ลำตัว : ค่อนข้างสั้น ความยาวของลำตัวมีขนาดใกล้เคียงกับความสูงของลำตัว เส้นหลังตรงขนานกับพื้น
คอ : มีความยาวพอเหมาะ
อก : ค่อนข้างลึก
ขาหน้า : มีกระดูกใหญ่พอเหมาะ ขาหน้าตั้งตรง ขาหน้ามีขนยาวเท้ามีขนาดเล็กค่อนข้างกลม นิยมตัดขนบริเวณเท้าเพื่อไม่ให้รุ่มร่าม
เอว : แข็งแรง เอวกิ่วเล็กน้อย
ขาหลัง : มีกระดูกใหญ่พอเหมาะ ข้อเท้าแข็งแรงทำมุมพอประมาณเท้ามีขนาดเล็ก เท้ากลม นิยมตัดบริเวณเท้า
หาง : ค่อนข้างยาวหางมีขนยาว หางพาดอยู่บนหลัง
ขน-สี : มีขนชั้นเดียว ขนยาวเหยียดตรง ขนฟู ขนไม่ตั้ง บริเวณหัวยาวอาจมัดเป็นจุก หรือหวีปัดลงก็ได้มีสีขาวทั้งตัว
ขนาด : เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก
น้ำหนัก : ประมาณ 4-6 ปอนด์
การเดิน-วิ่ง : มีความสง่างาม วิ่งเร็ว ขณะวิ่งขาหลังเป็นเส้นตรง ไม่บิดงอ
ข้อบกพร่อง : ขนหยิกงอ เท้าบิด

สุนัขพันธุ์ เวสต์ไฮด์แลนด์ไวท์เทอเรียร์

สุนัขพันธ์ ปอมเมอเรเนียน

ปอมเมอเรเนียนเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีขนนุ่มปุกปุย มีหัวเป็นรูปลิ่ม หูตั้งชี้ขึ้น บรรพบุรุษปอมเมอเรนียนย้อนกลับไปถึงยุคก่อนคริสตกาล พบภาพวาดในแผ่นหินและรูปหล่อสัมฤทธิ์ตามโลงศพที่พบในอียิปต์ พบโครงกระดูกสุนัขพันธุ์เล็กคล้ายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ในอุโมงค์ที่บรรจุศพสมัยโบราณของชาวอียิปต์

เชื่อกันว่า ปอมเมอเรเนียนได้รับการพัฒนาให้เป็นปอมเมอเรเนียนในปัจจุบันครั้งแรกที่เมืองปอมเมอเรเนีย ประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ในยุโดรเหนือแถบทะเลบอลติก ดินแดนกว้างใหญ่จากตะวันตกของเกาะรูเกนถึงแม่น้ำวิทูลา ที่แห่งนี้มีการเลี้ยงสุนัขอย่างแพร่หลาย ทั้งเพื่อให้เป็นสัตว์และเพื่อให้เป็นสุนัขอารักขา ปอมเมอเรเนียนมีต้นกำเนิดจากพันธุ์สปิทซ์ในสมัยโบราณ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมเมอเรเนียนพัฒนาจากสุนัขพันธุ์ซามอยด์ ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศรัสเซียแถบไซบีเรีย บางคนเชื่อว่าพัฒนามาจากสุนัขป่า ซึ่งอาศัยอยู่ตามถ้ำในประเทศเยอรมัน และถูกนำมาใช้เป็นสุนัขเลี้ยงแกะในทวีปยุโรปตอนกลางและตอนล่าง นำมาพัฒนาในยุโรปเพื่อช่วยในการเลี้ยงแกะ ซึ่งบรรพบุรุษของปอมฯ น่าจะมีน้ำหนักมากถึง 30 ปอนด์ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมฯ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศกรีซ โดยอ้างหลักฐานจากภาพวาดสมัยโบราณหลายภาพที่มีอายุ 400 ปีก่อนคริสตกาล หรือเกือบประมาณ 2500 ปีมาแล้ว มีภาพของสุนัขขนาดเล็กที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนสุนัขปอมฯ ในปัจจุบัน คือ Stop ที่เด่นชัด ช่วงปากแหลม หูสั้น ลักษณะการเดินและการแสดงออกเหมือนกับที่พบได้ในปัจจุบันทุกประการ ยกเว้นแต่ตำแหน่งของหางที่อยู่ต่ำเกินไปเท่านั้น แสดงว่าสุนัขพันธุ์นี้มีขนาดเล็กมากตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ไม่ใช่เพิ่งพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเมื่อ 40-50 ปีที่ผ่านมาตามที่มีคนในประเทศอังกฤษอ้างเสมอ ประมาณปี 1800 สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ทรงมีความชื่นชอบในสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนและส่งสุนัขของพระองค์ลงประกวด ทำให้เกิดความนิยมปอมเมอเรเนียนอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ และเพราะความที่พระองค์โปรดปรานสุนัขที่มีขนาดเล็ก ผู้เพาะพันธุ์หลายคนเริ่มที่จะคัดสุนัขที่มีขนาดเล็ก ปัจจุบันปอมฯ ที่เราเห็นอยู่มีขนาดที่เล็กลงจากปอมฯ ที่เป็นต้นตำรับ 4-5 ปอนด์

ความฉลาดและความสามารถของปอมฯ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นพระเอกในคณะละครสัตว์อย่างต่อเนื่อง ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเยอรมัน นิยมเลี้ยงกันเป็นฝูง บางแห่งทำเป็นสุนัขลากเลื่อนก็มี ปอมฯ เข้าสู่อังกฤษช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมอย่างสูง เช่น มีการตั้งชมรมคือ English Pomeranian Club ในปี 1891 ภายหลังสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียทรงออกงานพร้อมสุนัขพันธุ์นี้บ่อยครั้ง ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ส่วนในประเทศอเมริกามีการปรากฎตัวครั้งแรกของปอมเมอเรเนียนที่งานกระกวดสุนัขแห่งหนึ่งประมาณปี 1892 ไม่กี่ปีหลังจากนั้นมีการสั่งนำเข้าอีกเกือบ 200 ตัว มาตรฐานของปอมฯ โดยทั่วไป รูปรางจะเหมือนสุนัขจิ้งจอก มีขนาดกลาง ตาเป็นวงรีสีดำ หูเล็กตั้งตรง ลำตัวสั้นขนาดกระทัดรัด หางเป็นพวงแผ่อยู่บนส่วนหลัง

มาตราฐานสายพันธุ์
ลักษณะทั่วไป : ปอมฯ เป็นสุนัขขนาดเล็ก ลำตัวสั้นกระทัดรัด น้ำหนักประมาณ 4-6 ปอนด์ มีการแสดงออกถึงความเฉลียวฉลาด ร่าเริงและตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ขี้ประจบ แต่เป็นสุนัขค่อนข้างตกใจง่าย เห่ามาก ยิ่งตัวเล็กยิ่งเห่าเก่ง
สัดส่วน : น้ำหนักของปอมฯ โดยเฉลี่ยแล้วจะหนักประมาณ 3-7 ปอนด์ (ประมาณ 1.25-3 กก.) แต่ขนาดที่ดีสำหรับการประกวดนั้นควรหนักประมาณ 4-6 ปอนด์ (1.7-2.5 กก.) ถ้าสุนัขหนักมากกว่าหรือน้อยกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ถือว่าผิดมาตรฐาน รูปร่างของสุนัขมีความสำคัญกว่าขนาดของสุนัข ช่วงตั้งแต่หน้าอกจนถึงสะโพกจะสั้นกว่าหรือเท่ากับส่วนสูงตั้งแต่ช่วงไหล่จนถึงพื้น กระดูกมีขนาดปานกลาง
ศีรษะ : ขนาดของหัวต้องได้สัดส่วนกับลำตัว ช่วงปาก (MUZZLE) สั้นตรง หน้าดูคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก (FOXY EXPRESSION) หัวกะโหลกปิด ช่วงบนของหัวกะโหลกจะกลมเล็กน้อยแต่ไม่โหนกนูน ถ้ามองจากด้านหน้าและด้านข้างแล้วจะต้องเห็นหูที่มีขนาดเล็กอยู่ในตำแหน่งที่สูง (HIGH EARSET) และตั้งตรง รูปร่างปากจะมีลักษณะคล้ายรูปลิ่ม(WEDGE SHAPE) เส้นที่ลากจากจมูกไปถึงจุดหัก (STOP) จะต้องอยู่ตรงกลางระหว่างตาทั้งสองข้างและหูทั้งสองข้าง ตามีสีดำสนิท สดใส ขนาดปานกลาง คล้ายเมล็ดอัลมอนด์ (ALMOND SHAPE) สีของจมูกและขอบตาต้องดำสนิท ยกเว้นปอมฯ สีน้ำตาล BEAVER และ BLUE ฟันต้องกัดสบกันพอดี (SCISSORSBITE)
นิสัยและอารมณ์ : สุนัขปอมฯ เป็นสุนัขที่เปิดเผย แสดงออกถึงความเฉลียวฉลาด
คอ เส้นหลังและลำตัว : คอค่อนข้างสั้น ตั้งอยู่บนไหล่ ทำให้ช่วงคอตั้งสูง แลดูสง่างาม ช่วงหลังสั้น มีระดับของเส้นหลัง หางมีตำแหน่งที่สูง (HIGH TAILSET) วางราบตรงอยู่บนหลัง
ลำตัวส่วนหน้า : ไหล่จะต้องมีการเอียงลาดลงเพียงพอ เพื่อให้สามารถชูคอและหัวได้สูงและสง่างาม ความยาวของช่วงไหล่และขาตอนบนต้องเท่ากัน ขาหน้าต้องตรงและขนานกัน ความยาวตั้งแต่ไหล่จนถึงข้อศอกต้องมีความยาวเท่ากับข้อศอกถึงพื้น ขาต้องตรงและแข็งแรง ไม่เอียงเข้าหรือเอียงออก
ลำตัวส่วนหลัง : ได้สัดส่วนกับลำตัวส่วนหน้า ตำแหน่งของหางจะต้องอยู่เหนือสะโพกค่อนมาทางด้านหน้าต้นขา ต้องมีกล้ามเนื้อแข็งแรงปานกลาง และมีส่วนหน้าของขาหลัง (STIFLES) มีมุม (ANGULATION) ที่โค้งงอพอสมควรรับกับส่วนน่อง (HOCK) ต้องตั้งฉากกับพื้น ถ้ามองจากด้านหลังขาทั้ง 2 ข้างต้องตรงและขนานกัน เท้ามีลักษณะโค้งมนกระชับ ไม่เอียง สุนัขต้องยืนอยู่ปลายเท้า (TOES) นิ้วติ่ง (DEWCLAWS) ถ้ามีควรตัดออก
การเคลื่อนไหว : การเดินหรือการเคลื่อนไหวต้องเป็นไปอย่างอิสระราบเรียบ นุ่มนวล แลดูแข็งแรง เวลาเดินขาหน้าต้องเหยียดตรงไม่งอพับขึ้น ข้อศอกไม่กางออก ส่วนขาหลังต้องไม่ถ่างออก ขาหลังจะเคลื่อนไปข้างหน้าในจังหวะเดียวกันกับขาหน้าที่เคลื่อนที่ไป
ขน : สุนัขปอมฯ มีขน 2 ชั้น คือ ขนชั้นใน (UNDERCOAT) ต้องนุ่มและแน่น ขนชั้นนอก(OUTTERCOAT) ต้องยาวตรงเป็นประกายและหยาบ ขนชั้นในที่หนาแน่นจะช่วยพยุงขนชั้นนอกให้ฟูไม่ลู่ เหยียดตรง ขนจะต้องหนาแน่นตั้งแต่ช่วงคอ หน้าอก ช่วงไหล่ด้านหน้า ขนช่วงหัวและขาจะแน่นแต่สั้นกว่าขนช่วงลำตัว ขนหางยาว หยาบและเหยียดตรง การตัดแต่งเล็มขนให้ดูสวยงามและดูเรียบร้อยไม่ถือเป็นข้อผิด
สี : สีที่ได้รับการยอมรับและรับรอง ควรได้รับการพิจารณาการตัดสินอย่างเท่าเทียมกัน สีที่ได้รับการยอมรับได้แก่
1. สีใดๆ ก็ได้ที่ขึ้นเป็นสีเดียวกันทั้งตัว หรืออาจจะมีสีที่อ่อนหรือแก่กว่าแซมอยู่ด้วย (SELT-COLOR)
2. สีแซมกัน 2 สี (PARTI-COLOR) หมายถึงปอมฯ ที่มีสีขาวและมีสีอื่นแซมเป็นพื้นๆ กระจายเท่าๆ กันทั่วตัว และควรมีแถบสีขาวบนหัวด้วย
3. สีดำและน้ำตาล (BLACK AND TAN) หมายถึงปอมฯ มีสีดำที่มีสีน้ำตาลอยู่เหนือตาทั้ง 2 ข้างและปาก ลำคอ หน้าอก ใต้หาง ขาและเท้าทั้ง 4 ข้าง สีน้ำตาลนี้ยิ่งเข้มยิ่งดี
4. BRINDLE ได้แก่ปอมฯ ที่มีพื้น คือ สีทอง แดงหรือส้ม และมีสีดำแซมอยู่ทั่วทั้งตัว

จุดบกพร่อง :
1. กะโหลกกลม โหนกนูน ฟันล่างยื่น (UNDERSHOT MOUTH) หรือฟันบนยื่นจนเกินไป (OVERSHOT MOUTH)
2. ข้อเท้าราบกับพื้นมากเกินไป
3. ขาหลังที่หัวเข่าชิดกัน ปลายเท้าชี้ออก (COWHOCKS) หรือขาหลังที่บกพร่อง
4. ขนที่นิ่ม เหยียดตรงและแยกออกจนเห็นผิวหนังข้างใน (OPEN COAT)

สุนัขพันธุ์ ชเนาเซอร์

มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมัน สุนัขที่มีหนวดรุงรังแทบจะคลุมหน้าคลุม มิด มองดูราวกับเอาหน้ากากตัวละครมาสวมไว้ โดยไม่มีใครเฉลียวใจว่าใต้หน้ากากที่ว่านี้จะเป็นสุนัขที่ร้ายกาจสักแค่ไหน สุนัขพันธุ์นี้ชอบอยู่กับคน แต่ถ้ากับสุนัขด้วยกันแล้วกลับเมินเอาเลยทีเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จะเรียกว่าพันธุ์หมาเมินก็คงไม่ผิด

สุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์เป็นสุนัขที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องนำมาคุ้มครองป้องกันภัยหรือครอบครัวที่มีเด็กๆ และต้องการสุนัขที่มีความปราดเปรียวกระฉับกระเฉงมากกว่าสุนัขสวยงาม นอกจากนี้แล้วมันยังเชื่องและเรียนรู้ได้เร็วอีกด้วย
สิ่งที่จำเป็นขึ้นอยู่กับขนาดของสายพันธุ์ พันธุ์เล็กอยู่ในบ้านขนาดปานกลางไม่ต้องใหญ่โตนักก็ได้ ส่วนพันธุ์ใหญ่นั้นควรอยู่ในบ้านที่มีลานวิ่ง สุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์ทุกพันธุ์ต้องการการออกกำลังกายอย่างมาก และควรมีอะไรให้ทำตลอกเวลา ขนนั้นจำเป็นต้องได้รับการดูแลทำความสะอาด ตกแต่งขนอยู่เป็นประจำและตัดขนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

จุดเด่นของสุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์คือ เป็นสุนัขเฝ้าบ้านชั้นเลิศและเป็นผู้พิทักษ์ที่มีความกล้าหาญ มีใจรักคนและบ้านมาก
ในภาษาเยอรมันคำว่า ชเนาซ์ (Schnauze) มีความหมายว่าปาก คำว่าชเนาเซอร์จึงมีความเหมาะสมที่จะเรียกสุนัขที่มีหนวดเคราอย่างสุนัขพันธุ์นี้

สายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในสายชเนาเซอร์ ได้แก่ ชเนาเซอร์ที่มีขนาดกลาง หรือที่เรียกว่า สแตนดาร์ดชเนาเซอร์นั่นเอง หลายศตวรรษมาแล้วที่สุนัขพันธุ์นี้จะวิ่งตามรถม้าซึ่งวิ่งไปตามป่าของประเทศเยอรมันนี โดยวิ่งเหยาะๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเคียงข้างกับม้า เป็นสุนัขที่ใช้จับหนูได้เป็นเลิศ

ไจแอนท์ชเนาเซอร์หรือชเนาเซอร์ยักษ์จะแข็งแรงและกำยำกว่าสแตนดาร์ดชเนาเซอร์ เป็นสุนัขอารักขาที่ดี ถูกใช้ให้ต้อนวัวต้อนควายมานานหลายร้อยปี และได้เลิกไปหลังจากรถไฟเข้ามามีบทบาทแทนที่ ปรกติจะเรียบสงบ แต่ต้องฝึกให้อยู่ในกรอบ

มิเนียเจอร์ชเนาเซอร์ หรือชเนาเซอร์ขนาดเล็ก เป็นสุนัขที่ย่อส่วนของสแตนดาร์ดชเนาเซอร์ น่ารัก เชื่อฟัง เป็นสุนัขอารักขาที่ตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นเพื่อนที่อยู่ในอุดมคติ

มาตราฐานสายพันธุ์
ลักษณะโดยทั่วไป : เป็นสุนัขที่กระฉับกระเฉง กำยำ มีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง สัดส่วนของลำตัวเหมือนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส

นิสัย : ตื่นเต้นและมีน้ำใจ เต็มที่ที่จะทำให้เจ้านายพอใจ ข้อบกพร่องคือ ขี้อายหรือนิสัยชั่วร้าย

ศีรษะ : แข็งแรง มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้าผากไม่ควรย่น ส่วนบนของกะโหลกศีรษะค่อนข้างแบนและยาว

ฟัน : สบกันแบบกรรไกร ฟันบนหรือฟันล่างยื่นออกไปข้างหน้าเป็นข้อบกพร่อง

ตา : เล็ก สีน้ำตาลเข้ม ตั้งอยู่ลึก ข้อบกพร่องคือ มีสีอ่อนหรือมีขนาดใหญ่และโปนออกมา

หู : ปลายแหลม สมมาตรกับหัว ไม่ยาวจนเกินไป ตั้งฉากตรงมุมใน

คอ : แข็งแรงและโค้งอย่างสวยงาม หนังตรงคอหอยจะไม่ย่น

ลำตัว : สั้นและลึก เส้นหลังตรง ความยาวจากอกไปยังกระดูกสันอกยาวเท่ากับความสูงที่วัดถึงจุดสูงสุด อกกว้างเกินไป หรือกระดูกซี่โครงตื้น หลังโค้งขึ้นเป็นข้อบกพร่อง

ส่วนหน้า : มีไหล่ที่แบนและลาดเล็กน้อย ขาหน้าเหยียดตรงและขนานกัน มีข้อเท้าที่แข็งแรง ศอกชิดกัน ข้อศอกหลวมถือว่าเป็นข้อบกพร่อง

ส่วนหลัง : มีโคนขาที่แข็งแรงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ส่วนท้ายไม่อยู่สูงกว่าไหล่ ข้อบกพร่องคือ ข้อขาหลังบิดเข้าหากัน

เท้า : อุ้งเท้าสีดำ หนา สั้นและมน นิ้วเท้าโค้งและกระชับ

การเคลื่อนไหว : ศอกของขาหน้าจะแนบชิดกับลำตัว ขาหลังจะเหยียดตรงและอยู่ในระนาบเดียวกันกับขาหน้า

หาง : ตั้งอยู่สูงและเหยียดตรง หางจะตัดให้สั้นขนาดที่มองเห็นเหนือเส้นหลัง หางตั้งต่ำเป็นข้อบกพร่อง

ขน : มีสองชั้น ขนชั้นนอกแข็งและหยิก คอและลำตัวต้องมีการถอนทิ้ง เวลาลงประกวดขนต้องยาวพอที่จะมองเห็นลักษณะของขน จะปิดสนิทในส่วนของคอ หูและกะโหลก ข้อบกพร่องคือ ขนนิ่มหรือเรียบเกินไป มองดูลื่น

สี : เทา ดำและน้ำเงิน และดำสนิท ที่นิยมคือสีเทาดำ หากมีเขตของสีน้ำตาลแดงก็ยอมรับได้

น้ำหนัก : - ขนาดเล็ก 17 - 18 ปอนด์
- ขนาดมาตราฐาน 33 - 40 ปอนด์
- ขนาดยักษ์ 60 - 70 ปอนด์
ความสูง : - ขนาดเล็ก 13.5 นิ้ว
- ขนาดมาตราฐาน 16.5 - 17.5 นิ้ว
- ขนาดยักษ์ 25.5 - 27.5 นิ้ว

สุนัขพันธ์ เชา เชา

มาตราฐานสายพันธุ์

ลักษณะทั่วไป :
เชา เชาเป็นสุนัขที่เต็มไปด้วยพละกำลัง ลำตัวสั้นกระทัดรัด มีความแคล่วคล่องว่องไวและตื่นตัวอยู่เสมอ มีมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและมีโครงสร้างที่สมดุลมาก ลำตัวเป็นสี่เหลี่ยม ศีรษะกว้างและแบน สันจมูกกว้างและสั้น มีขนขึ้นหนาแน่นโดยเฉพาะที่รอบคอ ขาใหญ่ตั้งตรงและแข็งแรง ขนมีความมันเป็นประกาย ลักษณะเด่นของเชา เชาคือ มีความเป็นเอกลักษณ์ มีความสง่างามและมีความเป็นธรรมชาติ เปรียบเสมือนกับเป็นราชสีห์ หน้าตาดุดันแข็งขัน สงบและว่างท่าอย่างสุขุมเป็นผู้ดี มีความเป็นอิสระและมีการตัดสินใจที่ดี
ศีรษะ : มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดรูปร่าง มีกะโหลกศีรษะแบนกว้าง มีสต๊อปชัดเจน ลักษณะหน้าตาฉายแววของความทรนงองอาจ สันจมูกสั้นและกว้างเมื่อเทียบกับความยาวของกะโหลกจากตาจนถึงปลายจมูก ริมฝีปากเต็มและยื่น
ฟัน : ฟันขาว แข็งแรง สบกันพอดี
จมูก : จมูกใหญ่ กว้างและมีสีดำ ถ้าจมูกมีลายจุดหรือมีสีอื่นที่เห็นได้ชัดเจนนอกจากสีดำถือว่าขาดคุณสมบัติ ยกเว้นเชา เชาที่มีดำ, น้ำเงิน จมูกอาจมีสีน้ำเงินได้ ลิ้นมีสีดำออกน้ำเงิน เนื้อเยื่อในปากออกสีดำ ถ้าลิ้นมีสีชมพูแดงหรือมีจุดสีแดงจนเห็นได้ชัดเจนถือว่าขาดคุณสมบัติ
ตา : มีสีดำขนาดปานกลาง รูปร่างเรียวคล้ายผลอัลมอนด์ ขอบตาสีดำ
หู : ใบหูเล็ก ตรงปลายหูมีความโค้งมนเล็กน้อย หูแข็งตั้งขึ้น เอียงออกด้านข้างและด้านหน้าเล็กน้อย ถ้าหูตกข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างถือว่าขาดคุณสมบัติ
ลำตัว : สั้นกระทัดรัด มีซี่โครงผายออก ความสูงของลำตัวมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของลำตัว เส้นหลังตรงขนานกับพื้น
คอ : ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ คอกลม มีความยาวพอเหมาะ แข็งแรง ทำให้ดูสง่างาม
อก : กว้างและลึกเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ลึกจรดข้อศอก ถ้าอกแฟบถือว่าเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง
ขาหน้า : ขาหน้าตั้งตรง กระดูกมีขนาดใหญ่ มีมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ข้อเท้าขาหน้าตั้งตรงตั้งฉากกับพื้น เท้าชี้ตรงไปข้างหน้าไม่บิดซ้าย - ขวา เท้ามีลักษณะหนากลม เท้าชิด เล็บตัดสั้น
ขาหลัง : มีกระดูกใหญ่ ขาหลังท่อนบนประกอบด้วยกล้ามเนื้อ มองจากด้านหลังขาหลังตรง และขนานห่างกันพอเหมาะ ข้อเท้าหลังตรงตั้งฉากกับพื้น มองจากด้านข้าง สะโพก หัวเข่าและข้อเท้าจะเป็นเส้นตรงเดียวกัน เท้าหลังมีลักษณะคล้ายเท้าหน้า
เอว : มีขนาดสั้นและลึก ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ
ขน-สี : มี 2 ชนิด คือ ชนิดขนสั้นและชนิดขนยาว มีขนที่ดกหนา เส้นขนเหยียดตรง ขนชั้นนอกค่อนข้างหยาบ ขนชั้นในนุ่ม มีสีสดใสและเป็นสีเดียวกันตลอด อาจมีเฉดสีแตกต่างออกไปเล็กน้อยตรงแผงคอ ที่หางและที่ก้น เชา เชามีสีดำ, สีเทา, สีแดง, สีครีม ที่สำคัญคือ เชา เชาต้องมีสีเดียวตลอดทั้งตัว
หาง : โคนหางอยู่ในระดับสูง หางพาดแนบหลัง
ส่วนสูงและน้ำหนัก : สูงประมาณ 17 - 20 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 24 - 27 กิโลกรัม
การเคลื่อนไหว : มีความมั่นคง สง่างาม ขณะวิ่งขาตึง ยกเท้าไม่สูง คอเชิด

กฏทองของสุนัข











สุดท้ายนี้โปรดรู้ไว้ว่า"ฉันรักเธอ"

อายุน้องหมาเทียบกับอายุคน

ตาราง เปรียบเทียบอายุ น้อง หมา
อายถสุนัข(ปี)
อายุคน(ปี)
3 เดือน
5
6 เดือน
10
1
15
2
24
3
28
4
32
5
36
6
40
7
44
8
48
9
52
10
56
11
60
12
64
13
68
14
72
15
76
16
80
17
84
18
88
19
92
20
96

นี้คือตรางเปรียบเทียบครับ วิธีจำคือ 1ปีน้องหมาเท่ากับ 15 ปีคน เเล้ว 2ปีน้องหมาเท่ากับ24ปีคน นอกนั้นก็บวกไปทีละ4ปี ครับ
เเต่บ้างตำราบอกว่า ถ้าน้องหมาพันธุ์ใหญ่ให้ใช้ตารางนี้ครับ
เเต่ถ้าน้องหมาพันธุ์เล็กให้ 1ปีหมาเท่ากับ 15ปีคน 2ปีหมาเท่ากับ24ปีคน 3ปีหมาเท่ากับ 28 4ปีหมาเท่ากับ 32เเล้วนอกนั้นบวกไปที5ครับ 5ปีหมา 37ปีคน
เพราะน้องหมาสายพันธุ์เล็กมีการเติบโตเร็วกว่าพันธุ์ใหญ่ครับ (สำหรับบ้างที)

คนกับหมาต่างกันที่ตรงไหน

คนกับหมา ต่างกัน ที่ตรงไหน

พูดไม่ได้ นั่นแหละ มันคือหมา

ไม่โกหก หลอกลวง ปวงประชา

รักของหมา แสนซื่อ นั้นคือนาย

ไม่ว่าเขา จะเป็นใคร มันไม่สน

มีหรือจน หมานั้น รักเหลือหลาย

จะปกป้อง เจ้าของ แม้ต้องตาย

ขอให้นาย อยู่สุข ทุกคืนวัน

ไม่เหมือนคน ที่ยกตน ว่าประเสริฐ

ถือกำเนิด จากเทวา พาสุขสันต์

แต่จิตใจ ต่ำช้า ยิ่งกว่ามัน

เหยียบเพื่อนตาย เพื่อตนนั้น จะได้ดี

ถ้าเลือกได้ จะขอเลือก คบเพื่อนหมา

ถึงจะดู ด้อยค่า ไร้ราศี

แต่ดีใจ ที่ได้ คบเพื่อนดี

ถึงไม่มี ใครเห็นค่า หมาเห็นเอย

ลำดับความฉลาดของ สุนัข หมา แต่ละสายพันธุ์

ลำดับไอคิวหมา รู้หรือเปล่าว่าบรรดาสัตว์ทั้งหลายน่ะ เค้าก็มีสติปัญญาเหมือนกับเราๆ นี่แหละ เพียงแต่ว่าสัตว์แต่ละชนิดอาจจะมีไม่เท่ากัน
และมีความถนัดหรือความสามารถเฉพาะตัวแตกต่างกันไปเท่านั้นเอง
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมสัตว์ชนิดหนึ่งจึงทำอะไรๆ
ได้มากกว่าสัตว์อีกชนิดหนึ่งนั่นแหละ


ขอยกตัวอย่างเช่น เจ้าลิงชิมแปนซี ชิมแปนซีเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก
จะว่าฉลาดที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหมดบนโลกนี้ (ยกเว้นมนุษย์) ก็ว่าได้
เคยมีคนทำการทดสอบโดยให้ลิงชิมแปนซีไปทำข้อสอบ Toefl ด้วยซ้ำ
เชื่อมั้ยคะ ว่าเจ้าลิงที่ไม่เคยเรียนหนังสือนี่น่ะ สามารถทำข้อสอบ Toefl
ได้ถึง 400 กว่าคะแนนทีเดียว ซึ่งเป็นคะแนนที่มากกว่าเราๆ บางคนทำได้ด้วยซ้ำ


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ว่ามาตั้งนานเนี่ย
เราไม่ได้ตั้งใจจะมาพูดถึงไอคิวของลิงชิมแปนซีกันหรอก
แต่เรากำลังจะพูดถึงการจัดลำดับไอคิวสุนัขกันต่างหากล่ะ

ดร.สแตนเลย์ โคเรนท์ แห่งมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย
ในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ได้จัดอันดับไอคิวสุนัข
ตามความสามารถในการเรียนรู้จากการฝึก
สุนัขของคุณจะอยู่อันดับไหน ลองไปดูกันดีกว่า


1. คอลลี่
2. พุดเดิล
3. เยอรมัน เชฟเฟอร์ด
4. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
5. โดเบอร์แมน
6. เชทแลนด์ ชีพด็อก
7. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
8. ปาปิยอง
9. ร็อตไวเลอร์
10. ออสเตรเลี่ยน แคทเทิลด็อก
11. เวลช์คอร์กี้
12. มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
13. อิงลิช สปริงเกอร์ สแปเนียล
14. เบลเจียนเทอร์เชน
15. เบลเจียนชีพด็อก
16. คอลลี่ คีชอนด์
17. เยอรมัน ชอร์ทแฮร์ พอยเตอร์
18. อิงลิชค็อกเกอร์ สแปเนียล, สแตนดาร์ด ชเนาเซอร์
19. บริตตานี สแปเนียล
20. คอกเกอร์ สแปเนียล
21. ไวมาราเนอร์
22. เบลเจียน มาลิโนส์, เปอร์นีส เมาน์เทนด็อก
23. ปอมเมอเรเนียน
24. ไอรีสวอเตอร์ สแปเนียล
25. วิสซิลล่า
26. คอร์ดิแกน เวลช์ คอร์กี้
27. พูลิ, ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย
28. ไจแอนท์ ชเนาเซอร์
29. แอร์เดล
30. บอเดอร์ เทอร์เรีย
31. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
32. แมนเชสเตอร์ เทอร์เรีย
33. เวลช์ สปริงเกอร์ สแปเนียล
34. ฟิลด์ สแปเนียล, นิวฟาวแลนด์, ออสเตรเลียน เทอร์เรีย, เบียร์เด็ด คอลลี่
35. ไอริส เซทเตอร์
36. นอร์วีเจียน เอลค์ฮาวด์
37. ซิลกี้ เทอร์เรีย, มินิเอเจอร์ พินช์เชอร์
38. นอร์วิด เทอร์เรียล
39. ดัลเมเชียน
40. ฟ็อก เทอร์เรีย
41. ไอริช วูล์ฟฮาวด์
42. ออสเตรเลียน เชฟเฟอร์ด
43. ซาลูกิ, ฟินนิช สปิทซ์, พอยเตอร์
44. อเมริกัน วอเตอร์ สแปเนียล
45. ไซบีเรียน ฮัสกี้
46. อิงลิช ฟ็อกซ์ฮาวด์, อเมริกัน ฟ็อกซ์ฮาวด์, เกรย์ฮาวด์
47. สก็อตติช เดียฮาวด์
48. บ็อกเซอร์, เกรทเดน
49. ดัชชุนต์
50. อาลาสก้า มาลามุท
51. วิพเพท
52. โรดีเชียน ริดจ์แบ็ค
53. ไอริช เทอร์เรีย
54. บอสตัน เทอร์เรีย, อากิตะ
55. สกาย เทอร์เรีย
56. นอร์โฟล์ค เทอร์เรีย
57. ปั๊ก
58. เฟรนช์บูลด็อก
59. มอลทีส เทอร์เรีย
60. อิตาเลียน เกรย์ฮาวด์
61. ไชนีส เครสเต็ด
62. เจแปนนีส ชิน
63. โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก
64. เกรท พิเรนี
65. สก็อตติช เทอร์เรีย, เซนต์เบอร์นาร์ด
66. บูล เทอร์เรีย
67. ชิวาว่า
68. ลาซา แอปโซ
69. มาสทิฟฟ์
70. ชิสุ
71. บาสเซท ฮาวด์
72. บีเกิล
73. ปักกิ่ง
74. บลัดฮาวด์
75. บอร์ซอย
76. เชาเชา
77. บูลด็อก
78. บาเซนจิ
79. อาฟกัน ฮาวด์

สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมที่สุนัข(หมา)พักได้

จังหวัด

ชื่อ

โทร.

ราคา

อื่นๆ

ชลบุรีจอมเทียนชาเล่ย์038-231205-71100บาท/ห้อง 
เนเชอรัลปาร์คฯ038-231561-6
ซันเซ็ทวิลเลท038-273979-802600up/ห้อง 
Sunset Village 038-837-940, 038-237-979 400 บาท /ตัว/ คืนสุนัขพักได้เฉพาะ Garden View http://www.sunsetvillage.co.th
หาดตะวันรอน038-237979-80 , 022476700
วันดีเฮ้าส์038-232-863 , 038-232-897200 บาท / ตัว / คืน 
โรงแรมพัทยาปาร์ค038-251201-8 , 038-364110-20  
Sea Sand Sun Resort038-435-163ไม่คิดเพิ่มhttp://www.seasandsunpty.com
Tamarina Resort  ไม่คิดเพิ่มอนุญาตเฉพาะตัวเล็ก และไม่นอนบนเตียง
http://www.tamarinaresort.com/index.htm
Mercure038-425-050200 บาท / ตัว / คืนhttp://www.mercure.com
ซีซาร์พาเลซ ไม่คิดเพิ่ม 
บ้านน้ำเมารีสอร์ท ไม่คิดเพิ่ม 
พัทยาปาร์ค ไม่คิดเพิ่มhttp://www.pattayapark.com
มาเจสติค พัทยาพูลวิิล่า   
แสมสารวิลล่า038-4370771400-1800 บาท/ หลัง 
ระยองเอสแลนด์(สวนสน)038-653418 บ้านติดแอร์หลังละ 700 บาท
บรู๊คไซค์วิลล่า038-629282, 038-629-050 300 บาท / ตัว / คืน
Villa Bali Resort (หาดแม่พิมพ์)038-638080http:// www.villa-bali.net
บ้านลมทะเลชาเล่ย์
ลมทะเลชาเล่ย์
  
รุ่งนภา ลอร์ด081-9287287 , 089-6699636
บ้านชื่นวารินทร์038-638022 , 038-638405
บ้านสบ๊ายสบาย0-3865-5435, 038-899-811-5เฉพาะหมาเล็ก http://www.sabaihome.com
Lima coco
วังทอง รีสอร์ท
รุ่งนภา ลอร์ด01-9287287 / 09-6633636
บ้านชื่นวารินทร์038-638022 / 038-638405
บ้านคุณหมู038-630747
บ้านปูลม081-8217200
บารีละมัย http://www.barilamai.com
บ้านทะเลคราม081-8337688
ตราดคลองพร้าว แคมป์ (เกาะช้าง)081-903-8826
 แม็ค รีสอร์ท เกาะช้าง081-554-6829 , 086-327-8330http://www.mac-resorthotel.com
 กัปตันฮุค รีสอร์ต เกาะกูด
 The Beach Natural Resort เกาะกูด
 คลองพร้าวแค้มป์ เกาะช้าง081-903-8826
 kachapura เกาะช้างhttp://www.kachapura.com
ชุมพรทรายรีบีชรีสอร์ต
เกาะสมุยSeaside bungalow
ประจวบฯสวีสบีชรีสอร์ต อ.ปราณบุรี
สวนบ้านกรูด บีช รีสอร์ท
บ้านอนันตศิลา เขาตะเกียบ02-881-1732 032-511879200/ตัว 1200/คืน 
White sand หัวหิน บีช
บ้านพักริมหาด
โรงแรมชมวิว ชะอำ
สวนบวกหาด ชะอำ
Kalamonaหมาเล็กพักได้
Rachavadee บ้านกรูดคิดเพิ่ม 500 บาทhttp://www.rachavadee.com
Royal Beach Resort032- 478119
Swiss Beach Resort (ปราณบุรี)081-8245581 คุณสาธิต
ธารวราบีช บ้านกรูด
บ้านเคียงทะเล032-536-645 , 089-8208918ไม่คิดเพิ่ม
บ้านชมทะเล ปราณบุรีhttp://www.sounson.com
บ้านเนินชะเล032-511-288
บ้านปิ่นโต ชะอำ07-1697853 , 089-5470650
บ้านพักริมหาด (หัวหิน)
บ้านลอนทราย ปราณบุรี
บ้านสบายชายทะเล.089-032-7222สุนัขน้ำหนักไม่เกิน 12 กก. 100/ตัว
http://www.bansabaichaitalay.com
บ้านสันติสุข
บ้านอนันตศิลา032-511-879, 032-536-364ตัวเล็ก ตัวละ 300
ตัวใหญ่ ตัวละ 500
ต้องโทรจองล่วงหน้าและต้องบอกให้โรงแรม
ทราบก่อนว่า จะขอเอาสุนัขไปพักด้วย
บิวตี้ บีชรีสอร์ทเฉพาะสุนัขเล็ก
400 บาท / ตัว / คืน
http://www.beautybeachresort.com/
ระเบียงทะเล0-3247-8445 , 089-837-2084 http://www.talayresort.com
รั้วไม้รีสอร์ท081-8113473 ไม่คิดเพิ่ม
โรงแรมแก่นจันทร์ ชะอำ
โรงแรมชมวิว ชะอำ
โรงแรมรีเจนท์ 800 บาท / ตัว
ศาลาไทย (บ้านกรูด)
สบายา ชะอำใต้032-470716-7http://www.sabaya.co.th
สมอร์สปา
ปรีบุราณ ปากน้ำปราณบุรี032-570-101 , 086-3230337http://www.preeburan.com/
สิริมา เกสเฮ้าส์ หัวหิน032-511-060
หาดเพชรรีสอร์ท ชะอำ
อัญชนารีสอร์ท สามร้อยยอด ไม่คิดเพิ่มhttp://www.anchana.com/
อ่าวน้อย ซีวิว รีสอร์ท 07-1725770, 081-4016001http://www.aownoiseaview.com
อ่าวมะนาว
อิ่มสุข รีสอร์ท (ปราณบุรี)032-570-152 , 089-8375122
การ์ฟิลด์( ปราณบุรี) 081-943-0241
Jinning Beach Guest House
บ้านฟูเล (อยู่บนน้ำ)0-3251-3670800-900 (แอร์) 300 (พัดลม) 
หัวหินบลูเวฟ0-3251-3141
อุทยานแห่งชาติหาดวนกร
บ้านเนินชะเล0-3251-1288
Swan Resort0-3251-3362
วนอุทยานปราณบุรี (เลยหัวหิน)
รุ่งนภาลอร์ด01-9287287 , 09-6699636
นิรันดร์รีสอร์ท032-471038
นครราชสีมาบ้านชมตะวัน อ.วังน้ำเขียว081-8151796
เพชรบุรีแก่งกระจานคันทรีคลับ 
 ไวท์ บีช รีสอร์ท  ไม่คิดเพิ่มhttp://www.whitebeachresort.com
 สวนเพชร ริเวอร์วิว รีสอร์ท 
 เจ้าสำราญ บีช รีสอร์ท 
 โรงแรมรีเจ้นท์ชะอำ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา  มีที่พักสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ชื่อ"Pet Resort"
http://www.regent-chaam.com/Petresort/petresort.htm
เพชรบูรณ์เขาค้อ วัลเลต์  
เขาค้อทะเลภู  http://www.khaokhonaturalfarm.com
เขาค้อโกลเด้นท์รีสอร์ท08-5052-2326, 08-9989-7639
สุราษฎร์ธานีseaside bungalow
(หาดเฉวง-เกาะสมุย)
077-422-364-5
 ฟูลมูนเฮ้าส์แอนด์รีสอร์ท
(อ่าวนาง)
075-637-735, 089-474-1301
 พาราไดซ์ รีสอร์ท075-637-650-1
 ทับแขก ซันเซ็ท บีช รีสอร์ท075-628-600 , 075-618-067
ราชบุรีภูโวทัย (สวนผึ้ง)
ภูเก็ตพันวาเกสเฮ้าส์076-200951
Patong Inn Hotel076-340-587  
ขอขอบคุณ pantipเรียบเรียงและเพิ่มเติมโดย http://108dog.com
ปราจีนบุรีบ้านผางามhttp://www.pangam.com
กาญจนบุรีผากล่อมไพรhttp://www.phaklomphai.com
แก่งกระจานคันทรีคลับ
โฮม พุ เตย
หลุบพญารีสอร์ทรับ200 บาท / ครั้ง
ลิ๊ตเติ๊ลครี๊กhttp://www.littlecreekhideawayvalley.com
บ้านสวนฝน กาญจนบุรี
สระบุรีศุภาลัยป่าสักรีสอร์ท
   
  
เชียงใหม่คำม่อนเพลส053-278936
 โรงแรม 3b053-279430รับเฉพาะสุนัขเล็ก http://www.3bchiangmai.com/
เชียงรายดอยตุงรีสอร์ท  
กระบี่ Salatun Resort เกาะลันตา 
 ทับแขก ซันเซ็ท บีชรีสอร์ท075-628-600
 พาราไดซ์ รีสอร์ท075-637-650-1
 ฟูลมูนเฮ้าส์แอนด์ รีสอร์ท075-637-735 / 089-4741301
 อ่าวนาง เม้าเท่น พาราไดซ์ 
   
  
  
เขาใหญ่โบนันซ่า
คลองทรายรีสอร์ท
ร๊อคการ์เด้น เขาใหญ่
  
ขอขอบคุณ pantipเรียบเรียงและเพิ่มเติมโดยhttp://108dog.com


ที่มาจาก http://108dog.com/hoteldog.php

บริการเผาศพน้องหมา

รวมวัดที่รับเผาสุนัข หมา วัดรับเผาสัตว์เลี้ยง

กรุงเทพ

1.
วัดยาง เขตสวนหลวง

2.
วัดคลองเตยใน เขตคลองเตย

3.
วัดธาตุทอง เขตวัฒนา

จ.นนทบุรี

1.
วัดผาสุกมณีจักร อำเภอปากเกร็ด เมืองทองธานี







รายชื่อวัดที่ไม่ได้รับวัด(มีหลายคนเข้าใจผิด)

1.วัดบางปิ้ง

เนื่องด้วยในขณะนี้มีผู้เข้าใจผิดเกี่ยวกับทางวัดเป็นจำนวนมาก  ในเรื่องการรับจัดงานศพ-เผา  สุนัข-แมว หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ  ซึ่งอาจเป็นเพราะความเข้าใจผิดหรือการใช้ชื่อวัดไปทำการแอบอ้างของบุคคลบางกลุ่มที่มาอาศัยหาผลประโยชน์กับวัด ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำของทางวัด  ซึ่งทางวัดขอยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวนั้น ทางวัดมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น  เป็นเพียงการกระทำของผู้แอบอ้างดังกล่าวที่เข้ามากระทำในวัดเท่านั้น   ซึ่งในขณะนี้ทางวัดได้สั่งให้ ระงับ การการทำดังกล่าวนี้โดยเด็จขาดแล้ว เนื่องจากการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการรบกวน ส่งกลิ่นเหม็น แก่ นักเรียน - ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงเป็นอย่างมาก

ดังนั้น  ทางวัดจึงขอแจ้งให้ ทุกท่าน ทราบว่า ทางวัดบางปิ้ง มิได้มีบริการ จัดงานศพ-เผา สุนัข-แมว  อีกต่อไป  ร่วมถึงยังไม่สนับสนุนการนำสุนัข-แมว หรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ มาปล่อยที่วัด  เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการสร้าง  ภาระ ให้แก่ พระภิกษุ-สามเณร  และทางวัดเป็นอย่างยิ่ง

จาก
http://www.bangping.is.in.th/?md=news&ma=show&id=1

รายชื่อหนังเกี่ยวกับสุนัข

   13 น้องหมาผู้ซื่อสัตย์ (Farewell : Kuro)

    12 โฮ่ง (ฮับ) เจ้าตัวเนี๊ยซี้ 100%

    11 สงครามพยัคฆ์ร้ายขนปุย ภาค2 (cats & dogs 2)

    10 สงครามพยัคฆ์ร้ายขนปุย ภาค1 (cats & dogs 1)

    9 แซนต้าบั๊ดดี้ส์ (Santa Buddies)

    8 ฮาชิ..หัวใจพูดได้ Hachiko: A Dog's Story (2009)

    7 เดอะตูบหัวใจเต็งหนึ่ง (Grey Friar's Bobby)

    6 กูดบอย เพื่อนซี้สี่ขา (Good boy)

    5 แก๊งค์ คุณหมา ป่วนคุณหมอ (snow dog)

    4 เบนจี้ (benji)

    3 เพื่อนซื่อชื่อมาริ( A tales of Mari and three puppies )

    2 Eight Below ปฏิบัติการ 8 พันธุ์อึดสุดขั้วโลก

    1 10Promises To My Dog 10 ข้อสัญญาน้องหมาของฉัน



ขอบคุณ  http://movie.108dog.com/

ความรู้เกี่ยวกับสุนัข


สุนัข เป็นสัตว์ที่ชอบไล่ล่า มีความพยายาม อดทน เฉลียวฉลาด โดยธรรมชาติ สุนัขเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม สังเกตได้จากสุนัขป่านิยมอยู่รวมกันเป็นฝูง มีการแบ่งหน้าที่กันเลี้ยงลูกอ่อน และออกล่าเหยื่อเป็นอาหาร เมื่อมนุษย์นำมาสุนัขป่ามาเลี้ยง พฤติกรรมบางอย่างของสุนัขป่าจึงเปลี่ยนไป
การเคลื่อนไหว
สุนัขบางพันธุ์สามารถวิ่งได้เร็วมาก เช่น หมาป่า ที่วิ่งได้ความเร็ว 56 ก.ม./ช.ม. สะลูกี้ และเกรย์ฮาว์น วิ่งได้เร็วถึง 70 ก.ม./ช.ม. แม้ว่าสุนัขจะวิ่งได้ไม่เร็วมากเหมือนเสือชีต้า (วิ่งได้ถึง 129 ก.ม./ช.ม.) แต่สุนัขมีลักษณะพิเศษที่ มีความอดทนสูงกว่า มันสามารถวิ่งติดต่อกันเป็นระยะทางไกลๆ เพื่อล่าเหยื่อ นอกจากนี้ สุนัขยังว่ายน้ำได้ดี โดยใช้ขากวักไปมาในน้ำ เช่น สุนัขป่าแรคคูนในจีน ญี่ปุ่น และไซบีเรีย ที่สามารถว่ายน้ำ และดำน้ำล่าเหยื่อได้เป็นเวลา หลายนาที

การดมกลิ่น
ความสามารถในการดมกลิ่นของสุนัขถือได้ว่าดีเยี่ยม (จะเป็นรองก็แค่ปลาไหลเท่านั้นแหละ) แต่ความสามารถที่ว่านี้จะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ แต่ก็ดีกว่ามนุษย์ถึงล้านเท่าทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่มนุษย์จะนำความสามารถนี้มาใช้ประโยชน์นับไม่ถ้วน เช่น ในฝรั่งเศส และอิตาลีใช้สุนัขในการค้นหาเห็ด Truffle ที่อยู่ลึกลงไปในดินถึง 30 ซม. ฮอลแลนด์ และเดนมาร์คใช้สุนัขในการค้นหาแก๊สรั่ว นอกจากนี้ ยังใช้สุนัขในการค้นหาวัตถุระเบิด ยาเสพติด และคนหายอีกด้วย สุนัขทำได้อย่างไร เราลองมาดูกัน องค์ประกอบของกลิ่นต่างๆ คือ โมเลกุลของสารเคมี ที่ล่องลอยในอากาศ สุนัขจะได้กลิ่นโดยผ่านทางเนื้อเยื่อภายในจมูก และเนื้อเยื่อ ก็จะส่งข้อมูลของกลิ่นนี้ไปยังสมอง สุนัขได้ พัฒนาทักษะในการดมกลิ่นมายาวนานมาก ว่ากันว่า พื้นที่การดมกลิ่นในจมูกของมนุษย์ ผู้ใหญ่มีประมาณ 3 ตร. ซม. แต่ของสุนัข เฉลี่ยแล้วมีถึง 130 ตร. ซม. ทีเดียว นอกจากนี้ สุนัขยังมีเส้นประสาทดมกลิ่นมากกว่ามนุษย์มาก คือ มนุษย์มีเส้นประสาทดังกล่าว 5 ล้านเซล แต่ดัชชุนมีถึง 125 ล้านเซล ฟ็อกซ์เทอร์เรีย มี 147 ล้านเซล เยอรมันเชพเพิร์ดมี 220 ล้านเซล จมูกที่เปียกยังช่วยให้การดมกลิ่นดีขึ้น คือ มันจะช่วยซึมซับกลิ่นที่ล่องลอยในอากาศ และส่งต่อไปยังเนื้อเยื่อรับกลิ่นภายในจมูก และไล่กลิ่นเดิมที่ตกค้างอยู่ออก

การได้ยิน
เป็นอีกสิ่งหนึ่งสุนัขทำได้ดีกว่ามนุษย์ สุนัขส่วนใหญ่มีหูใหญ่ ที่ประกอบไปด้วย กล้ามเนื้อถึง 17 มัด และสามารถบิดหูไปมาเพื่อรับคลื่นเสียงให้ตรงกับแหล่งที่มาได้ โดยมันสามารถ รับคลื่นเสียงได้ถึง 35,000 Vibration ต่อวินาที เทียบกับมนุษย์ที่ 20,000 ต่อวินาที และแมว 25,000 ต่อวินาที นอกจากนี้ มันยังสามารถแยกความแตกต่างระหว่างเสียงต่างๆ ได้ด้วย แต่ที่พิเศษยิ่งไปกว่านี้ คือ มันสามารถปิดหูชั้นใน เพื่อที่จะกรองเสียงภายนอกอื่นๆ ที่ไม่ต้องการออกไป เหลือไว้แต่เสียงที่ต้องการเท่านั้น

การมองเห็น
สุนัขสายตาไม่ดีนัก ส่วนใหญ่จึงใช้การดมกลิ่นในการล่าสัตว์มากกว่าสายตา แต่ก็มีสุนัขบางพันธุ์ที่ได้พัฒนาความสามารถในการมองเห็น จนสามารถใช้สายตา ในการล่าสัตว์ได้ เช่น เกรย์ฮาว์น เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม สุนัขไม่สามารถมองเห็นภาพสี ภาพที่มันมองเห็นจะเป็นโทนสีขาว ดำ และเทา เท่านั้น

นอกจากนี้ สุนัขยังมีประสาทสัมผัสพิเศษอีกอย่างหนึ่ง ที่เราเรียกว่า “ประสาทสัมผัสที่ 6″ สุนัขมีความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับวิญญาณ และโทรจิต จึงไม่แปลกที่สุนัขมักจะทราบล่วงหน้า ก่อนที่คุณจะตัดสินใจออกไปข้างนอก และปล่อยให้มันอยู่บ้านตามลำพัง
ที่มา: www.lovedog.gointer.com

เมื่อน้องหมาป่วย

กรณี 1 ((((แบบเบสิคๆ ...))))
อย่าตื่นเต้นมากค่ะ... ถ้าเขา
1)อาเจียน น้อยกว่า 3 ครั้ง/วัน
***งดอาหาร เพื่อให้ทางเดินอาหารได้พัก
***ถ้าไม่อาเจียนแล้ว ให้อาหารเหลว อ่อนๆได้,น้ำ
***ถ้าโดนยาเบื่อ ให้ กรอกไข่ขาวลงไป 1ฟอง
ให้เขาอาเจียนออกมาให้หมด
จำฉลากยา หรือเอาไปทั้งขวด นำส่งรพ.ค่ะ

2)ท้องเสีย ถ่ายเหลว
***ไม่มีมูกเลือด และไม่ ถ่ายบ่อยเกินไปจากปกติที่เขาถ่ายอยู่
***หรือ มีมูกเลือด...แต่ยังกินอาหาร และไม่ถ่ายพุ่งเป็นน้ำ
***งดอาหาร เพื่อให้ทางเดินอาหารได้พัก
และให้อาหารแบบอ่อนๆถ้าเขายังทานได้ปกติ...และให้น้ำ+ผงเกลือแร่
*** ให้รอดูอีกครั้งในวันนั้น ว่ามูกเลือดหายไปหรือยัง(เพราะอาจเกิดจากการที่เขากินอะไรแปลกๆเข้าไปค่ะ ..อาจจะไม่ใชลำไส้อักเสบก็ได้)

3)ท่าเดิน ท่าวิ่งผิดปกติ ในบางครั้ง
***อันนี้จะเจอมากในหมาเด็กค่ะ
***เกิดจากการที่เขาอยากวิ่งให้เร็วเท่าที่ใจเขาคิดอ่ะค่ะ...555+
***ถ้าเขากระเผกบ่อยๆ ให้ใช้มือคลำเบาๆ ถ้าเขาเจ็บ..เขาจะดึงขาออกจากมือเราค่ะ..
***ไล่ตามขา ดูแผล...ถ้ามีแผล ให้ใช้ทิงเจอร์ไอโอดีนของคน ใส่แผลค่ะ
***ถ้าเป็นหนอง...คุณบุ้งแนะนำให้ใช้ ผงพิเศษแต้มค่ะ

4)ตาแดง
***ใช้ยาหยอดตาของคนได้ค่ะ(แต่ต้องปรึกษาสัตวแพทย์ด้วย)

5)เป็นผื่น แล้วหายภายใน 1-2 วัน
*** เปลี่ยน ผ้ารองนอน
***เปลี่ยนแชมพู หรืออาหาร
***ดูแล บริเวณตรงนั้นไม่ให้เปียกชื้น...ทาด้วยแป้งเด็กก็ได้ค่ะ

6)เลือดกำเดาไหล
***เอาน้ำแข็งประคบตรง บนจมูก
***ไม่ใช่ส่วนปลายจมูก(สีดำ)นะคะ ประมาณกึ่งกลางจมูกเขาอ่ะค่ะ
***ถ้าไหลบ่อย เกินไป ...ให้ไปเช็คเลือดค่ะ...

7)บวมตรงที่ฉีดยา
***ใช้มือคลึงเบาๆ สักพักจะยุบค่ะ
***ถ้า 3 วันแล้วยังไม่ยุบ ให้หมอเจาะเอาของเหลวข้างในออกมาค่ะ

ตัวร้อน น้ำมูกไหล ซึม
***อันดับแรก คือ ใจเย็นๆค่ะ.... 
***เช็ดตัวด้วยน้ำเปล่า
(ถ้าร้อนมากใช้ น้ำเย็น....กันเขาช็อคได้ค่ะ)
(ถ้าร้อน ขนาดเขาไม่ได้สติ ต้องนำส่ง รพ.นะคะ..)
***น้ำมูกไหล...ยาลดน้ำมูกของเด็ก ช่วยได้ค่ะ...

***อาการ ซึม เกิดจากหลายสาเหตุเลยค่ะ เช่น
"หมาเซ็ง" --- "หมางอน" --- "หมาขี้เกียจ" ---- "หมาอารมณ์แปรปรวน" --- "หมาเบื่อ" --- ....แม้กระทั่ง "หมาป่วย" ค่ะ....
  

กรณี 2 ((((....แบบขั้นเทพ.... รักษาเองไม่ได้แล้ว))))
1) ฮอตฮิตอันดับ 1 คือ
"ท้องเสีย พุ่งเป็นสายน้ำ เบื่ออาหาร มีเมือก มูกเลือดปน อ่อนเพลียมาก"
*** งดอาหาร ถ้าเขายังกินน้ำได้ ให้ทานน้ำ+ผงเกลือแร่ของคนค่ะ
***แล้วนำส่ง รพ. ค่ะ

2)กล้ามเนื้อลีบ อย่างเห็นได้ชัด
***ส่ง รพ.ค่ะ

3)พบก้อนเนื้องอก มีหนองไหล (ไม่ใช่จากการฉีดยานะคะ)
***ให้ คุณหมอ ตรวจวินิจฉัยชิ้นเนื้อ ที่ รพ. เลยค่ะ...
***ว่าเป็น เนื้องอกจากมะเร็งหรือไม่...

4)อ้วก + ถ่ายออกมาเป็นตัวพยาธิ
***ไปให้หมอจัดยา ถ่าย โดยด่วนเลยค่ะ

5)เป็นแผลแล้วเลือดไหลไม่หยุด นาน เป็น 1-2 ชม.
***นำส่ง รพ.ค่ะ อาจเป็นโรคเกล็ดเลือดไม่แข็งตัวค่ะ

6)ขี้เรื้อน
***ให้หมอจัดยาให้เลยค่ะ...
***อย่าลืมว่า ขี้เรื้อนมี 2 ประเภทนะคะ บางครั้งยิ่งรักษาเองยิ่งลามค่ะ
***ให้ หมอ ส่งตรวจ ...เพื่อให้ยาได้ถูกชนิดค่ะ

7)แท้งลูกติดต่อกันหลายครั้ง
*** ระวัง โรคแท้งติดต่อในสุนัขค่ะ เป็นzoonosis ซึ่งติดคนได้ค่ะ
***ส่ง รพ. เพื่อตรวจหาเชื้อค่ะ

โรคพิษสุนัขบ้า
***อย่าจับ เด็ดขาดค่ะ
***เป็นเชื้อไวรัส ที่ติดคน และทำให้คนตายได้ค่ะ...
***ถ้าสงสัย ให้ เลี่ยงการสัมผัส แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ จะดีที่สุดค่ะ